ความจริงเกี่ยวกับโรคฝีดาษในเด็ก พันธุกรรมที่คุณควรรู้และการดูแลที่เหมาะสม

 


โรคฝีดาษในเด็กเป็นหนึ่งในโรคติดต่อที่สร้างความกังวลให้กับพ่อแม่ผู้ปกครองมาช้านาน แม้ปัจจุบันจะมีการควบคุมและป้องกันได้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคนี้อยู่ไม่น้อย หลายคนเชื่อว่าโรคฝีดาษเกิดจากพันธุกรรมหรือถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลูก ซึ่งในความเป็นจริง โรคฝีดาษไม่ได้เกิดจากยีนหรือพันธุกรรม แต่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโดยตรง เด็กสามารถรับเชื้อจากการสัมผัสสารคัดหลั่ง ละอองน้ำลาย หรือสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสได้ ดังนั้นครอบครัวที่มีเด็กเล็กควรให้ความสำคัญกับการป้องกัน เช่น การล้างมือบ่อย ๆ แยกของใช้ส่วนตัว และเฝ้าระวังอาการเริ่มต้น เช่น มีไข้ อ่อนเพลีย และผื่นตุ่มน้ำใสขึ้นตามร่างกาย

ถึงแม้โรคฝีดาษไม่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรมโดยตรง แต่ยีนและระบบภูมิคุ้มกันก็มีบทบาทสำคัญ เพราะเด็กบางคนที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอจากพันธุกรรม หรือมีประวัติครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับโรคภูมิแพ้ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง อาจมีอาการรุนแรงกว่าปกติ และฟื้นตัวช้ากว่าเด็กทั่วไป นี่คือเหตุผลว่าทำไมความเข้าใจเรื่องพันธุกรรมจึงสำคัญ เพราะจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถเฝ้าระวัง ดูแล และป้องกันความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น ปัจจุบันยังมีบริการตรวจสุขภาพและตรวจคัดกรองพันธุกรรมที่ช่วยประเมินความแข็งแรงของภูมิคุ้มกันในเด็ก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ครอบครัวควรพิจารณา

สำหรับการดูแลเด็กที่ติดเชื้อฝีดาษ สิ่งที่ผู้ปกครองควรทำคือการดูแลให้เด็กพักผ่อนมาก ๆ ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ รักษาความสะอาดผิวหนัง และไม่แกะเกาตุ่มผื่นเพื่อป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อน หากมีไข้สูงหรือผื่นกระจายมาก ควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อรับการดูแลอย่างเหมาะสม สิ่งสำคัญอีกอย่างคือการป้องกันไม่ให้โรคแพร่ไปสู่ผู้อื่น โดยควรแยกเด็กออกจากสมาชิกในครอบครัวชั่วคราวจนกว่าตุ่มจะแห้งตกสะเก็ดทั้งหมด เมื่อผนวกความรู้เรื่องพันธุกรรมเข้ากับการดูแลและป้องกันที่ถูกต้อง จะช่วยให้ครอบครัวมั่นใจได้ว่าเด็กจะปลอดภัย และลดความเสี่ยงจากโรคฝีดาษได้อย่างมาก

ปัจจุบันมีคลินิกหรือโรงพยาบาลหลายแห่งรับตรวจคัดกรองโรคพันธุกรรม

1.แอทยีนส์ (ATGenes)

2.โรงพยาบาล รามาธิบดี (คลินิกพันธุกรรม)




ความคิดเห็น