โรคโลหิตจาง (Anemia) คือภาวะที่ร่างกายมีจำนวนเม็ดเลือดแดงต่ำกว่าปกติ หรือมีเม็ดเลือดแดงที่ไม่มีประสิทธิภาพในการลำเลียงออกซิเจนไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ส่งผลให้ร่างกายทำงานได้ไม่เต็มที่ ผู้ป่วยหลายคนมักไม่รู้ตัวว่าตนเองเป็นโรคโลหิตจาง เพราะอาการเริ่มต้นมักคลุมเครือและค่อยเป็นค่อยไป แต่หากปล่อยไว้โดยไม่ตรวจสอบหรือรักษา อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่รุนแรงขึ้นได้ในระยะยาว
🔬 สาเหตุของโรคโลหิตจาง: ไม่ใช่แค่ขาดธาตุเหล็ก แต่ยังถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้
แม้หลายคนจะคุ้นกับสาเหตุของโรคโลหิตจางที่มาจากการขาดธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 หรือโฟเลต แต่ในความเป็นจริงแล้ว สาเหตุหนึ่งที่สำคัญและมักถูกมองข้ามก็คือ พันธุกรรม โดยเฉพาะในผู้ที่มีเชื้อสายเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย ลาว เวียดนาม หรือจีนใต้ ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะมียีนผิดปกติที่ก่อให้เกิดโรคโลหิตจางชนิดถ่ายทอดทางพันธุกรรม เช่น:
-
ธาลัสซีเมีย (Thalassemia)
เกิดจากความผิดปกติของยีนที่ควบคุมการสร้างฮีโมโกลบิน ทำให้เม็ดเลือดแดงมีรูปร่างผิดปกติ แตกง่าย และอยู่ในร่างกายได้ไม่นาน -
โรคโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงผิดรูป (Sickle Cell Anemia)
พบได้บ่อยในชาวแอฟริกา แต่ก็มีรายงานในเชื้อชาติอื่นบ้าง เกิดจากยีนที่ทำให้เม็ดเลือดแดงมีรูปร่างคล้ายพระจันทร์เสี้ยว ส่งผลให้จับตัวเป็นก้อนและอุดตันหลอดเลือด
หากพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายเป็นพาหะของยีนที่ผิดปกติ โอกาสที่ลูกจะเป็นโรคโลหิตจางชนิดรุนแรงจะอยู่ที่ 25% และหากไม่ได้รับการตรวจคัดกรองก่อนการตั้งครรภ์ อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพลูกน้อยตลอดชีวิต
⚠️ อาการที่พบบ่อยของโรคโลหิตจาง
อาการของโรคโลหิตจางจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของภาวะเลือดจาง บางคนอาจไม่มีอาการเลยหากเป็นในระดับเบา แต่หากอาการรุนแรงหรือดำเนินมานานโดยไม่รู้ตัว อาจพบอาการดังต่อไปนี้:
-
เหนื่อยง่ายกว่าปกติแม้ไม่ได้ออกแรงมาก
-
หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น หรือหายใจหอบ
-
หน้ามืด วิงเวียน เป็นลมบ่อย
-
ผิวหนังซีด ริมฝีปากซีด เยื่อบุตาซีด
-
ปวดหัว ความจำสั้น หรือไม่มีสมาธิ
-
มือเท้าเย็น บางรายอาจมีภาวะขาบวม หรืออาการทางหัวใจร่วมด้วย
ในเด็กที่เป็นโรคโลหิตจางตั้งแต่กำเนิด อาจมีการเจริญเติบโตช้ากว่าปกติ ตัวเหลือง ตับม้ามโต หรือกระดูกใบหน้าผิดรูปจากการที่ไขกระดูกพยายามสร้างเม็ดเลือดเพิ่มขึ้น
🧪 การตรวจวินิจฉัยและคัดกรองพันธุกรรม
การตรวจหาโรคโลหิตจางสามารถทำได้ด้วยการตรวจเลือดทั่วไป (CBC) เพื่อดูระดับฮีโมโกลบินและจำนวนเม็ดเลือดแดง หากสงสัยว่าเป็นชนิดพันธุกรรม แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจเพิ่มเติม เช่น:
-
การตรวจยีนพันธุกรรม (DNA analysis)
-
การตรวจหาเม็ดเลือดแดงผิดปกติ เช่น ตรวจฮีโมโกลบินอิเล็กโตรโฟริซิส (Hemoglobin Electrophoresis)
-
การตรวจคัดกรองพาหะในคู่สมรสก่อนมีบุตร
การตรวจคัดกรองทางพันธุกรรมสามารถทำได้ตั้งแต่ยังไม่มีอาการ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่วางแผนมีบุตร เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกได้รับยีนผิดปกติทั้งสองจากพ่อแม่
💊 แนวทางการรักษา
วิธีการรักษาจะขึ้นอยู่กับชนิดของโรคโลหิตจาง:
-
หากเกิดจากขาดสารอาหาร เช่น ธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 หรือโฟเลต แพทย์จะให้รับประทานเสริมหรือฉีดยา
-
หากเกิดจากพันธุกรรม เช่น ธาลัสซีเมีย อาจต้องรับเลือดเป็นประจำ ควบคู่กับการให้ยาขับธาตุเหล็ก หรือรักษาด้วยการปลูกถ่ายไขกระดูกในรายที่รุนแรง
-
ในบางราย ที่มีภาวะแทรกซ้อน แพทย์อาจพิจารณาให้ยากระตุ้นการสร้างเม็ดเลือด หรือรักษาด้วยวิธีเฉพาะทางอื่น ๆ
การรักษาอย่างต่อเนื่องและการติดตามภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะเหล็กเกิน หัวใจโต หรือตับทำงานผิดปกติ มีความสำคัญมาก โดยเฉพาะในผู้ป่วยพันธุกรรม
🧬 ปัจจุบันมีคลินิกและโรงพยาบาลหลายแห่งที่ให้บริการตรวจคัดกรองพันธุกรรมอย่างครอบคลุม ทั้งในแง่ของโรคโลหิตจางและโรคทางพันธุกรรมอื่น ๆ หากคุณเริ่มมีความกังวล หรือมีประวัติคนในครอบครัวเคยเป็นโรคเหล่านี้ การเริ่มต้นพูดคุยกับแพทย์หรือนักพันธุศาสตร์จะเป็นก้าวแรกที่ดีในการดูแลสุขภาพระยะยาว และช่วยให้คุณเลือกแนวทางการตรวจที่เหมาะสมกับตัวเองและครอบครัวได้อย่างมั่นใจ
✅ ATGenes (แอท‑ยีนส์)
✅ โรงพยาบาลสมิติเวช (Samitivej Hospital)


ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น